การตลาดออนไลน์

Affiliate-marketing-techniques

5 เทคนิคเพิ่มยอดขายบนออนไลน์ด้วย Affiliate Marketing

Affiliate คือ การทำการตลาดออนไลน์รูปแบบหนึ่งโดยอาศัยการ “บอกต่อ” เป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งตอนนี้ Affiliate Marketing กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ขาย เนื่องจากผู้ซื้อมักมีความเชื่อใจที่จะเลือกซื้อตามคนที่ตนชื่นชอบ เช่น Influencer หรือ KOLs มากกว่าคำโฆษณาจากผู้ขาย เนื่องจากรู้สึกว่าคำบอกเล่าของคนที่ตัวเองติดตามมีความจริงใจมากกว่าคำโฆษณา ในฝั่งของผู้ขายเองการทำการตลาดรูปแบบ Affiliate ก็ใช้งบประมาณที่น้อยกว่าและมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าการทำโฆษณาในรูปแบบเดิม ๆ หลายเท่าตัวเช่นกัน บทความนี้ The Wisdom Academy จึงอยากมาแนะนำเจ้าของธุรกิจให้ได้รู้จักกับ 5 เทคนิคเพิ่มยอดขายบนออนไลน์ด้วย Affiliate Marketing ที่ทำตามได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ จะมีเทคนิคไหนบ้างมาดูกัน! รู้จักกลุ่มเป้าหมาย จุดมุ่งหมายหลักของการขายสินค้าก็คือ “ลูกค้า” ดังนั้นแล้ว เราควรทำความรู้จักกับกลุ่มลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจให้ดีและละเอียดมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น เพศ, อายุ, ไลฟ์สไตล์, ความชอบ, พฤติกรรมการซื้อ และอื่น ๆ โดยรวมแล้วเรียกการศึกษากลุ่มเป้าหมายว่าการทำ Customer Persona คืออะไร? โดยมีวิธีการหากลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ ดังนี้ วิธีการหากลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ การหากลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ หมายถึง การกำหนดกลุ่มลูกค้าที่มีแนวโน้มจะซื้อสินค้าหรือบริการ […]

5 เทคนิคเพิ่มยอดขายบนออนไลน์ด้วย Affiliate Marketing Read More »

what-is-google-trend-how-to-use

Google Trend คืออะไร นำมาใช้กับธุรกิจได้อย่างไร พร้อมสอนวิธีใช้ง่ายๆ

Google Trend คือ เครื่องมือที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความนิยมและแนวโน้มของคำค้นหาใน Google ในระยะเวลาและพื้นที่ต่าง ๆ ในโลก ซึ่ง Google Trend ทำให้นักการตลาดและนักวิเคราะห์สามารถใช้ข้อมูลนี้ในการวางแผนและตัดสินใจในกิจกรรมต่าง ๆ ได้ดีขึ้น เช่น การตลาด การวางแผนคอนเทนต์ รวมไปถึงผู้ประกอบการที่อยากเริ่มต้นธุรกิจแต่ไม่รู้ว่าควรขายอะไรดีนะ? สินค้าที่กำลังนิยมมีอะไรบ้าง บทความนี้จึงอยากมาช่วยแนะนำวิธีการใช้งาน Google Trends ให้เกิดประโยชน์สูงสุดให้ทุกคนได้รู้กัน Google Trend คืออะไร Google Trends เป็นเครื่องมือฟรีจาก Google ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสำรวจความนิยมของคำค้นหาในช่วงเวลาที่กำหนด โดยให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับปริมาณการค้นหาและความสนใจสำหรับหัวข้อ คำสำคัญ และคำค้นหาต่าง ๆ ในภูมิภาคและภาษาต่าง ๆ ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูล โดยเราสามารถระบุหัวข้อที่กำลังมาแรง เข้าใจรูปแบบการค้นหา เปรียบเทียบความนิยมของข้อความค้นหาต่าง ๆ และรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ใช้รวมถึงการหาสินค้าที่น่าสนใจได้อีกด้วย ข้อดีของ Google Trend กับการทำธุรกิจ ดังที่กล่าวไปแล้วว่า Google Trend Search ทำให้เรารู้ได้ว่าตอนนี้หรืออดีตที่ผ่านมามีคำค้นหาใดกำลังเป็นที่นิยมจากผู้ใช้งาน Google บ้าง รวมไปถึงสามารถเช็คเปรียบเทียบได้ด้วยว่า

Google Trend คืออะไร นำมาใช้กับธุรกิจได้อย่างไร พร้อมสอนวิธีใช้ง่ายๆ Read More »

Marketing Technology

Marketing Technology หรือ Martech คืออะไร มีอะไรบ้าง (พร้อมตัวอย่าง)

Marketing Technology หรือ MarTech คือ การทำการตลาดในรูปแบบใหม่ด้วยการนำเทคโนโลยีมาเป็นส่วนสำคัญในการทำการตลาด ไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล การติดตามข้อมูลของลูกค้าหรือข้อมูลของคู่แข่ง นอกจากนี้ยังรวมถึงการปิดการขายเทคโนโลยีก็สามารถทำได้ เช่น การใส่ความสามารถของ AI ลงไปในบอร์ดแสดงโฆษณาสินค้าโดยที่ AI ตัวนี้จะรู้จักข้อมูลลูกค้าที่เดินผ่านทุกคนและปรับเปลี่ยนโฆษณาได้ตรงกับความสนใจของลูกค้า ซึ่งจะช่วยให้ปิดการขายได้มากยิ่งขึ้น ดังนั้น Marketing Technology Tools ก็คือ ซอฟต์แวร์หรือเครื่องมือเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่จะเป็นผู้ช่วยที่สามารถทำงานได้ตรงตามความต้องการของนักการตลาดที่จะนำผลลัพธ์หรือข้อมูลที่ได้ไปใช้เป็นข้อมูลในการทำกิจกรรมทางการตลาดต่อไป Marketing Technology Tools มีอะไรบ้าง  แท้จริงแล้วในโลกออนไลน์ได้มีการพัฒนาซอฟต์แวร์ Marketing Technology Tools หรือ martech ถูกใช้งานได้หลายปีแล้ว แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่ธุรกิจขนาดใหญ่ที่นิยมนำเครื่องมือเหล่านี้มาใช้งานด้านการตลาด แต่ด้วยการระบาดของโควิด-19 ทำให้ความต้องการใช้งานเครื่องมือเหล่านี้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาไม่ถึง 2 ปี ซึ่งได้มีการพัฒนาเครื่องมือ MarTech เพิ่มขึ้นมากกว่า 10,000 ตัว ซึ่งจะมี MarTech Tools ตัวไหนบ้างที่น่าสนใจ บทความนี้จึงจะขอยกตัวอย่าง MarTech Tools ที่มีประโยชน์ต่อนักการตลาดที่จะนำเครื่องมือเหล่านี้มาเป็นตัวช่วยในการทำการตลาดในยุคปัจจุบันจะมีอะไรบ้างไปดูกันค่ะ Google

Marketing Technology หรือ Martech คืออะไร มีอะไรบ้าง (พร้อมตัวอย่าง) Read More »

Passive income กับ Active income คืออะไร ต่างกันอย่างไร

Passive income กับ Active income คืออะไร ต่างกันอย่างไร (พร้อมตัวอย่าง)

Passive income กับ Active income คือ ประเภทของรายได้ที่มีความแตกต่างกัน ซึ่งหลายคนคงเคยได้ยินคำว่า Passive income นี้ว่าเป็นการมีรายได้แบบ “เสือนอนกิน” หรือ “ให้เงินทำงาน” จากเหล่า YouTuber หรือ Life coach ทั้งหลายที่ต่างเชิญชวนให้เราเข้าร่วมคอร์สความรู้ทั้งหลายเพื่อพัฒนาตัวเองให้มีความรู้ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน การสร้างทรัพย์สิน รวมไปถึงการสร้างรายได้ออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆ แล้วแท้จริงแล้วทั้งสองคำคืออะไรมาทำความรู้จักกัน Passive income คืออะไร ? Passive Income คือ การสร้างรายได้อีกรูปแบบหนึ่งที่ต้องมีการสร้างระบบและต้องใช้เงินลงทุนในช่วงแรก เมื่อทุกอย่างทำงานเข้าสู่ระบบอย่างลงตัวแล้ว ระบบนั้นจะสามารถทำงานต่อไปเองได้โดยที่เจ้าของกิจการไม่ต้องให้เวลาดูแลมากเหมือนในช่วงแรกของการเริ่มต้นระบบ อีกทั้งยังสามารถสร้างรายได้กระแสเงินสดให้กับเจ้าของกิจการนั้นได้ตลอดเวลา และที่สำคัญสามารถมีรายได้มากกว่าหนึ่งทางได้อีกด้วย  Active Income คืออะไร ? Active Income คือ การทำงานเป็นชิ้นงานให้ได้ตามที่กำหนด หรือทำงานตามที่ได้รับมอบหมายให้ครบเวลาตามที่กำหนดอย่างหลังก็คือการเป็นมนุษย์เงินเดือนนั่นเอง เป็นการสร้างรายได้ที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี การสร้างรายได้แบบมนุษย์เงินเดือนเป็นการสร้างรายได้ที่ต้องให้เวลาและลงมือทำอยู่ตลอด หากหยุดทำงานหรือโดนไล่ออกจากงานก็จะทำให้ไม่มีรายได้  เหมือนหรือมีความต่างกันอย่างไร ? แท้จริงแล้วรายได้ทั้งสองแบบเป็นการสร้างรายได้ที่ต้องทำงานเหมือนกัน แต่รายได้แบบ Passive income ต้องการการลงทุนและการดูแลระบบต่าง

Passive income กับ Active income คืออะไร ต่างกันอย่างไร (พร้อมตัวอย่าง) Read More »

Influencer คืออะไร มีส่วนช่วยในการทำการตลาดได้อย่างไร! (พร้อมตัวอย่าง)

Influencer คือ กลุ่มคนที่มีอิทธิพลต่อความคิดและการตัดสินใจของกลุ่มเป้าหมาย และมีชื่อเสียงในด้านความรู้ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และเผยแพร่เรื่องราวต่างๆบนโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างผู้ติดตาม และการมีส่วนร่วม เรียกได้ว่า เป็นการสื่อสารผ่านแนวคิดของบุคคลที่ 3 ซึ่งเป็นการตลาดแบบปากต่อปากนั่นเอง ในการทำการตลาดออนไลน์ในยุคปัจจุบัน พลังเสียงของบุคคลที่ 3 มีผลต่อการสื่อสารการตลาด ทั้งการสร้างการรับรู้ สร้างความสนใจ สร้างความเชื่อมั่น  และนำไปสู่การซื้อสินค้า ทำให้ Influencer Marketing กลายเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ห้ามมองข้าม เพราะจะเป็นการปิดโอกาสที่จะเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆทันที  ซึ่งจะเป็นกุญแจสำหรับในการสร้างฐานลูกค้าใหม่ของแบรนด์ต่างๆ ทว่า ในยุคที่การแข่งขันดุเดือด และรอบด้านนี้ แบรนด์จะมองข้ามกลยุทธ์การตลาดประเภทนี้ไปไม่ได้ เพราะถ้าคุณไม่สนใจ ก็จะเป็นการปิดโอกาสที่จะเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ ทันที หลักใหญ่ใจความเกี่ยวกับการทำงานของ Influencers คือ การใช้คำศิลปะทางการสื่อสาร ร่วมกับแนวคิดของการตลาดแบบปากต่อผ่าน ที่จะถ่ายทอดผ่าน Social Media ของพวกเขาเอง ยิ่งสื่อสารออกไปได้กว้างเท่าไร ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น ประเภทของ Influencer มีอะไรบ้าง? มีข้อดีอย่างไร? การทำการตลาดผ่าน Influencer จะช่วยสร้างการรับรู้ได้ในวงกว้าง เพราะผู้ติดตามของ influencer จะมีหลากหลายอายุ เพศ

Influencer คืออะไร มีส่วนช่วยในการทำการตลาดได้อย่างไร! (พร้อมตัวอย่าง) Read More »

business model canvas

Business Model Canvas คืออะไร ใช้อย่างไรให้ได้ผล (พร้อมตัวอย่าง)

Business Model Canvas คือ ส่วนประกอบภาพรวมของธุรกิจที่สามารถแสดงส่วนสำคัญหลักๆอยู่สองส่วนด้วยกันคือ ธุรกิจเกิดรายได้ได้อย่างไร และ ผู้ซื้อหรือลูกค้าที่ใช้บริการของเราได้รับคุณค่าอะไรจากเรา ทั้งสองส่วนนี้จะมีส่วนประกอบด้วยกันทั้งหมด 9 ส่วน และจัดกลุ่มได้ 4 กลุ่มดังนี้ ส่วนประกอบทั้ง 9 ส่วนประกอบด้วย HOW (สีฟ้า) ประกอบด้วย Key Partner (พันธมิตรหลัก): คู่ค้าหรือพันธมิตรหลักที่มีส่วนช่วยในการดำเนินธุรกิจ Key Activities (กิจกรรมหลัก): กิจกรรมต่างๆที่มีส่วนช่วยในการสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ Key Resources (ทรัพยากรหลัก): สิ่งที่มีความจำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจ เช่น พนักงาน ระบบหลังบ้าน ระบบบัญชี เป็นต้น WHAT (สีส้ม) ประกอบด้วย Value proposition (การเสนอคุณค่า): คุณค่าที่ธุรกิจได้ส่งมอบให้กับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพอใจสูงสุด WHO (สีเหลือง) ประกอบด้วย Customer Relationship (ความสัมพันธ์กับลูกค้า): การสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้าหรือการช่วยเหลือ สร้างความสัมพันธ์เพื่อเก็บข้อมูล และรักษาฐานลูกค้า นำไปสู่การบรรลุวัตถุประสงค์ของธุรกิจ

Business Model Canvas คืออะไร ใช้อย่างไรให้ได้ผล (พร้อมตัวอย่าง) Read More »

affiliate marketing คือ

Affiliate Marketing คืออะไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไร (พร้อมตัวอย่าง)

Affiliate marketing คือ การทำการตลาดให้กับแบรนด์หรือเจ้าของสินค้า โดยทั่วไปจะนิยมเรียกแบรนด์หรือเจ้าของสินค้าว่า Vender สำหรับผู้ที่ทำการโปรโมทนั้นจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินกลับมา รูปแบบของรายได้ของคนทำ Affiliate นั้นจะมีรูปแบบที่แตกต่างกันไป สามารถดูรายละเอียดได้จากด้านล่างนี้ รูปแบบรายได้ แบ่งได้เป็น 2 รูปแบบดังนี้ รูปแบบ รายละเอียด CPM (Cost per Thousand Impressions) รับผลตอบแทนจากการแสดงผล 1,000 ครั้ง ตัวอย่าง CPM 50 บาท หมายถึง ผู้โปรโมทนำโฆษณาไปติดในเว็บไซต์ของตน และเกิดการแสดงผลจากผู้เยี่ยมชม 1,000 ครั้ง ผู้โปรโมทจะได้ผลตอบแทน 50 บาท CPC (Cost Per Clicks) รับผลตอบแทนจากการคลิก 1 ครั้ง ตัวอย่าง CPC 5 บาท หมายถึง ผู้โปรโมทนำโฆษณาไปติดในเว็บไซต์ของตน และเกิดการคลิก 1 ครั้ง ผู้โปรโมทจะได้รับผลตอบแทน 5

Affiliate Marketing คืออะไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไร (พร้อมตัวอย่าง) Read More »

ขายของออนไลน์

เช็คก่อนขาย 10 เช็คลิส ขายของออนไลน์ ให้ได้กำไรเยอะ

ขายของออนไลน์ และ ตลาดออนไลน์ นั้นก็เปิดกว้างมากขึ้น มีสินค้ามากมายหลายอย่าง สินค้าแทบทุกชนิดคุณสามารถสั่งซื้อผ่านทางออนไลน์ การจ่ายเงินก็ง่ายสามารถจ่ายปลายทางก็ได้ บริการส่งถึงหน้าบ้านอีกด้วย ในเมื่อตลาดออนไลน์กว้างมากขนาดนี้ จึงมีพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์หน้าใหม่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก่อนที่คุณคิดจะเป็นพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์คุณจะต้องมีหลักการในการขาย แบบที่ขายแล้วได้กำไรเยอะๆ ทุนไม่จม จะมีวิธีอย่างไรบ้างตามไปดูกันเลยค่ะ เช็คก่อนขาย 10 เช็คลิสขายของออนไลน์ ให้ได้กำไรเยอะ 1. สำรวจตนเอง ว่ามีความพร้อมในการขายของออนไลน์แล้วหรือไม่ ความพร้อมในที่นี้หมายถึง มีเวลาเพียงพอหรือไม่ ส่วนใหญ่ผู้ทำอาชีพขายของออนไลน์มักมีงานประจำอยู่แล้ว ดังนั้นคุณจึงควรแบ่งเวลาในการขายกับเวลาทำงานให้เหมาะสม และ ความพร้อมอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญอย่างมากคือ ความพร้อมในการด้านการเงิน การขายของทั้งออนไลน์ไม่ออนไลน์ เงินทุนเป็นสิ่งที่สำคัญ ดังนั้นคุณควรมีเงินทุนหมุนเวียนในระบบ เพื่อไว้ใช้จ่ายเช่น การซื้อของมาออร์เดอ หรือการจ้างบริษัทขนส่ง การโฆษณาสินค้าและอื่นๆ เพราะหากเงินทุนหมุนเวียนไม่พอแล้วก็ยากที่จะประสบความสำเร็จเช่นกัน 2. สินค้าที่จะขายมีความน่าสนใจ และเป็นที่ต้องการของตลาดหรือไม่ แน่นอนที่สุดจะขายของก็จะต้องรู้จักเลือกของมาขาย การเลือกสินค้าที่จะขายคุณควรมีความรู้เกี่ยวกับสินค้าชนิดนั้น แหล่งที่รับสินค้ามาขายมีแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือ ตัวอย่างการรับสินค้าจากจีนมาขายในสมัยนี้ไม่ต้องเดินทางไปถึงเมืองจีนอีกต่อไป เพราะมีเว็บไซต์จากจีนเช่น  TAOBAO / TMALL / 1688  Alibaba หรือที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในตอนนี้ก็จะเป็นพวกอาหารเสริมต่างๆ ที่เรียกว่าไม่รู้จะกินยี่ห้อไหนเยอะไปหมด ดังนั้นการจะขายสินค้าที่มีคู่แข่งเยอะๆคุณต้องหาจุดเด่นของสินค้าให้ได้ เพื่อไม่ให้เหมือนคนอื่น และอีกอย่างที่สำคัญคือ สินค้าของคุณจะต้องมีคุณภาพ มีมาตรฐาน

เช็คก่อนขาย 10 เช็คลิส ขายของออนไลน์ ให้ได้กำไรเยอะ Read More »

Customer Data Platform (CDP) คืออะไร ทำไมทุกธุรกิจต้องมี!

Customer Data Platform หรือ CDP คือ โปรแกรมในการเก็บข้อมูลของลูกค้า เพื่อใช้รวบรวมข้อมูลลูกค้า และจัดกลุ่มข้อมูลเข้าด้วยกันเป็นโปรไฟล์ลูกค้าคนหนึ่ง ทำให้สามารถทำมาใช้สร้างกลยุทธ์การตลาดได้มากมาย เรียกได้ว่าเป็น “สมองของการตลาด” เลยก็ว่าได้ ตัวอย่าง CDP ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เช่น SABLE, SEGMENT, Indicative เป็นต้น การใช้ CDP ถือเป็นสิ่งสำคัญในการทำ Digital Marketing เพราะสามารถเก็บข้อมูลที่เคยมีมาก่อนได้ทั้งการทำธุรกรรม ข้อมูลประชากร พฤติกรรม และอื่นๆ และยังสามารถทำให้ทราบถึงความแตกต่างของแต่ละบุคคลในการแสดงโฆษณาซ้ำๆ (Impression) ไปจนถึงการซื้อ (Purchase) ของลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะ รวมไปถึงการใช้สินค้าและบริการหลังการขายอีกด้วย ทำให้หลายๆธุรกิจนำ Customer Data Platform ไปใช้เพื่อลดปัญหาการวิเคราะห์ข้อมูลที่ทำได้ยากจากการอาศัยเพียงการคาดการณ์เพียงเท่านั้น  Customer Data Platform สามารถเก็บข้อมูลใดได้บ้าง ประโยชน์ของ Customer Data Platform (CDP) วิธีการใช้ CDP เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำการตลาด ตัวอย่าง Customer

Customer Data Platform (CDP) คืออะไร ทำไมทุกธุรกิจต้องมี! Read More »

ทฤษฎีมาสโลว์ ลำดับขั้นความต้องการ Maslow’s hierarchy of needs ลูกค้าต้องการอะไร

ทฤษฎีมาสโลว์ หรือ ลำดับขั้นความต้องการ (Maslow’s Hierarchy of Needs) เป็นทฤษฎีจิตวิทยาที่ อับราฮัม เอช. มาสโลว์ คิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1943 ในเอกสารชื่อ “A Theory of Human Motivation” Maslow ระบุว่า มนุษย์มีความต้องการทั้งหมด 5 ขั้นด้วยกัน ความต้องการทั้ง 5 ขั้น มีเรียงลำดับจากขั้นต่ำสุดไปหาสูงสุด มนุษย์จะมีความต้องการในขั้นต่ำสุดก่อน เมื่อได้รับการตอบสนองจนพอใจแล้วก็จะเกิดความต้องการขั้นสูงต่อไป ความต้องการของบุคคลจะเกิดขึ้น 5 ขั้นเป็นลำดับ ดังนี้  1. ความต้องการพื้นฐานทางด้านร่างกาย (Physiological Needs)  เป็นความต้องการลำดับต่ำสุดและเป็นพื้นฐานของชีวิต ได้แก่ ความต้องการเพื่อตอบสนองความหิว ความกระหาย ความต้องการเพื่อความอยู่รอดของชีวิต เรียกง่ายๆ ก็คือ ปัจจัยสี่ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ที่พักอาศัย  รวมถึงสิ่งที่ทำให้การดำรงชีวิตสะดวกสบาย นั่นเอง  ในขั้นนี้สิ่งที่ลูกค้าต้องการ หนีไม่พ้น

ทฤษฎีมาสโลว์ ลำดับขั้นความต้องการ Maslow’s hierarchy of needs ลูกค้าต้องการอะไร Read More »

Scroll to Top