Customer Data Platform (CDP) คืออะไร ทำไมทุกธุรกิจต้องมี!

Customer Data Platform หรือ CDP คือ โปรแกรมในการเก็บข้อมูลของลูกค้า เพื่อใช้รวบรวมข้อมูลลูกค้า และจัดกลุ่มข้อมูลเข้าด้วยกันเป็นโปรไฟล์ลูกค้าคนหนึ่ง ทำให้สามารถทำมาใช้สร้างกลยุทธ์การตลาดได้มากมาย เรียกได้ว่าเป็น “สมองของการตลาด” เลยก็ว่าได้ ตัวอย่าง CDP ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เช่น SABLE, SEGMENT, Indicative เป็นต้น

การใช้ CDP ถือเป็นสิ่งสำคัญในการทำ Digital Marketing เพราะสามารถเก็บข้อมูลที่เคยมีมาก่อนได้ทั้งการทำธุรกรรม ข้อมูลประชากร พฤติกรรม และอื่นๆ และยังสามารถทำให้ทราบถึงความแตกต่างของแต่ละบุคคลในการแสดงโฆษณาซ้ำๆ (Impression) ไปจนถึงการซื้อ (Purchase) ของลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะ รวมไปถึงการใช้สินค้าและบริการหลังการขายอีกด้วย ทำให้หลายๆธุรกิจนำ Customer Data Platform ไปใช้เพื่อลดปัญหาการวิเคราะห์ข้อมูลที่ทำได้ยากจากการอาศัยเพียงการคาดการณ์เพียงเท่านั้น 

Customer Data Platform สามารถเก็บข้อมูลใดได้บ้าง

  1. ข้อมูลธุรกรรม และคำสั่งซื้อ
    เก็บได้จากระบบซื้อขายแบบ E-Commerce สามารถเก็บได้ทั้งคำสั่งซื้อ วันที่ มูลค่าของลูกค้า สินค้า สินค้าที่ไม่สนใจ และการกลับมาซื้อซ้ำ เป็นต้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ล้วนแต่เป็นข้อมูลที่สำคัญในการทำการตลาดและการขาย
  2. ข้อมูลด้านพฤติกรรมบนเว็บไซต์และมือถือ
    สามารถเก็บข้อมูลของสินค้าและบริการ และหมวดหมู่ของสินค้า ที่ผู้เยี่ยมชมมีการคลิกข้อมูล และมีการโต้ตอบ รวมไปถึงจำนวนหน้าที่เข้าชม จำนวนเวลาในการอยู่บนเว็บไซต์ และอื่นๆ ซึ่งเป็นข้อมูลที่สามารถแยกแยะพฤติกรรม และความชอบของผู้ใช้ทั้งในปัจจุบัน และคาดการณ์ในอนาคต
  3. ข้อมูลส่วนบุคคล
    สิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำการตลาด คือ การรู้จักกลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้า ซึ่งจำเป็นจะต้องรู้ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น อายุ เพศ อาชีพ รายได้ ไลฟ์สไตล์ ความชอบ เป็นต้น ซึ่งจะสามารถทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และทำกลยุทธ์การตลาดเพื่อตอบสนองกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
  4. ข้อมูลสินค้าและบริการ
    เป็นส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูลลูกค้าโดยตรง แต่ถือเป็นสิ่งสำคัญในการเก็บข้อมูลด้านราคา และสินค้าคงคลัง เพราะหากมีกลยุทธ์ที่สามารถตอบสนองต่อกลุ่มเป้าหมายได้ แต่ไม่มีสินค้าในการขายจะทำให้เสียโอกาสทางการขายไปด้วย

ประโยชน์ของ Customer Data Platform (CDP)

  1. สามารถสร้างข้อมูลเฉพาะของลูกค้า จากพื้นที่ที่แตกต่างกัน และนำมาจัดกลุ่มให้เกิดเป็นตัวอย่างลูกค้าหนึ่งคน
  2. ช่วยให้มีศักยภาพในการแข่งขัน เพราะสามารถสร้างกลยุทธ์และแคมเปญที่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้ และช่วยในการตัดสินใจได้มากขึ้นจากการแข่งขันที่รุนแรง และท้าทานในอุตสาหกรรม
  3. สามารถปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับพฤติกรรรมของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว จากความสามารถในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากทุกแพลตฟอร์ม
  4. ทำให้ได้ข้อมูลลูกค้าที่เป็นหนึ่งเดียว ไม่ใช้การจำกัดเพียงแค่ฝ่ายการตลาด ฝ่ายการขาย หรืออื่นๆภายในองค์กร แต่ครอบคลุมทุกส่วนในธุรกิจ ทำให้เข้าถึงข้อมูลลูกค้ากลุ่มเดียวกันได้
  5. สร้างความสัมพันธ์กับคู่ค้าได้ดีมากขึ้นจากการใช้ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพทำให้สามารถคาดการณ์การขาย และการผลิตได้เป็นอย่างดี
  6. ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จากการมีข้อมูลที่สมบูรณ์ตั้งแต่เริ่มเห็นโฆษณาจนไปถึงการซื้อ และบริการหลังการขาย
  7. ประหยัดเวลาในการจัดเรียงข้อมูล และวิเคราะห์ ทำให้มีเวลานำข้อมูลไปปรับปรุงกลยุทธ์และโฆษณาต่างๆได้

วิธีการใช้ CDP เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำการตลาด

  • ใช้เพื่อบันทึกข้อมูล Journey Map หรือ Customer Journey ของลูกค้าที่แตกต่างกันในแต่ละแพลตฟอร์ม ตั้งแต่การติดต่อกันครั้งแรก
  • ใช้วิเคราะห์ข้อมูลจาก Google Analytic ที่มีข้อมูลมหาศาล และทำการล้างข้อมูลที่ไม่มีความน่าสนใจ เพื่อแก้ไข้ปัญหา Landing Page ที่มีระยะเวลานาน เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้เว็บไซต์ได้อย่างดี
  • จัดการกับข้อมูลการละทิ้งรถเข็นบน E-Commerce ใช้เพื่อดูว่าส่วนใดบ้างที่ไม่ตอบสนองต่อประสบการณ์ของผู้ใช้ (User Experience) บนเว็บไซต์ และนำสร้าง UX ที่จะพัฒนาเว็บไซต์ต่อไปได้
  • ใช้เพื่อเก็บรวบรวมความคิดเห็นของลูกค้า ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการแนะนำ บอกต่อจากเพื่อน หรือครอบครัว และความคิดเห็นที่ถูกทิ้งไว้บนหน้าแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เพื่อให้รับรู้ว่าผู้บริโภคพูดถึงแบรนด์เราว่าอย่างไร
  • ใช้วิเคราะห์ข้อมูลการขายต่อจำนวนลูกค้า ทำให้ทราบแนวโน้มการขายจากการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมจาก Loyal Customers ไปจนถึงการขายสินค้า และนำไปทำเป็นโปรโมชั่นขายสินค้า

ตัวอย่าง Customer Data Platform ที่ดีที่สุด

SABLE

SABLE คือ CDP ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่รวมขีดความสามารถของ Customer Data Platform (CDP) และ Marketing Automation เพื่อรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมลูกค้าจากทุกช่องทางสำหรับวิเคราะห์และนำเสนอผ่าน Intelligence Dashboard ในรูปแบบ Timeline แบบ Real-Time พร้อมด้วยเครื่องมือสำหรับการทำการตลาดแบบอัตโนมัติ

SABLE สร้างโอกาสให้ธุรกิจขยายการเพิ่มยอดขาย, ให้ความเข้าใจลูกค้า และสร้างโอกาสหาลูกค้าใหม่ ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลาย รวมถึง SABLE Consent สำหรับจัดการ PDPA Consent, SABLE Analytics สำหรับการเก็บและวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้เว็บ, SABLE Search สำหรับ Data Enrichment เพื่อเข้าใจลูกค้ามากขึ้น, SABLE Ads Automation สำหรับการใช้ข้อมูลจาก CDP ในการทำโฆษณาออนไลน์, และ SABLE Automation สำหรับการสื่อสารกับลูกค้าแบบอัตโนมัติ และการซิงค์ข้อมูลกับระบบอื่น ๆ ด้วยฟีเจอร์เหล่านี้ SABLE CDP จึงช่วยให้ธุรกิจสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า ออกแคมเปญ และโปรโมชันที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มยอดขาย”

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Segment

จุดเด่นคือ การสร้างพื้นฐานข้อมูลลูกค้าเพื่อให้ความสำคัญกับกลุ่มเป้าหมาย และรวบรวมเชื่อมต่อข้อมูลด้วยเครื่องมือทางการตลาดได้มากกว่า 200 รายการ ตัวอย่างแบรนด์ที่ใช้แพลตฟอร์มนี้ เช่น Levi’s, Intruit, และ Time

Exponea

จุดเด่นคือ การจัดการข้อมูลลูกค้าเข้ากับการวิเคราะห์เชิงลึก และสามารถนำไปใช้ได้ในทันที

Zaius

เป็นระบบ CRM และ Marketing Automation ที่สร้างขึ้นสำหรับ E-commerce โดยเฉพาะ ซึ่งสามารถเก็บข้อมูลได้แบบ Real time และหลากหลายช่องทางข้ามแพลตฟอร์ม ทำให้สามารถเพิ่มจำนวนการซื้อซ้ำและเพิ่มมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้าได้

Hull
จุดเด่นคือ การออกแบบมาเพื่อการขายโดยเฉพาะ และเก็บข้อมูล Customer Journey ได้อย่างดี และสามารถแบ่งปันข้อมูลเดียวกันได้ในการทำงานที่แตกต่างแผนก ทำให้เข้าถึงข้อมูลชุดเดียวกันได้

Indicative

เป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภคได้โดยเฉพาะ สามารถเข้าถึงพฤติกรรมของลูกค้าได้ทุกจุด รวมไปถึงการทำ Marketing Automation และยังรองรับระบบคงคลังได้ด้วย

สรุป

Customer Data Platform เรียกได้ว่าเป็น แพลตฟอร์มที่เก็บข้อมูลลูกค้า และควบคุมด้วยทีมการตลาด สร้างฐานข้อมูลเป็นกลุ่มเป้าหมายและพัฒนาต่อไปเรื่อยๆเพื่อให้สามารถเข้าถึงได้จริง แน่นอนว่าปัจจุบันหลายๆคนนั้นเริ่มมาขายของออนไลน์กันมากขึ้น ยิ่งต้องควรที่จะนำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของเราเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

Leave a Comment

Scroll to Top