SAC หนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระที่มุ่งเน้นในเรื่องของริ้วรอย ฝ้า กระ หรือ อาหารเสริมบำรุงผิว คงไม่มีใครไม่รู้จัก “เอสเอซี (SAC)” อย่างแน่นอน ซึ่งในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีนั้น จากงานวิจัยในห้องทดลอง ขึ้นสู่แท่นเบอร์ 1 ของอาหารเสริมบำรุงผิววัย 35+ เรียกได้ว่าตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการดูแลผิวอย่างแท้จริง!
เอสเอซี (SAC หรือ Super Antioxidant Complex) คืออะไร
เอสเอซี (SAC ย่อมาจาก Super Antioxidant Complex) หรือ สารต้านอนุมูลอิสระรวม นั้นค้นพบจากผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชื่อในเรื่องของการหาสัดส่วนหรือผลลัพท์ที่เข้ากันได้ของสะสารต่างๆในร่างกาย ซึ่งในปัจจุบันนี้เทคโนโลยีในการคาดการณ์ (Predictive Model) นั้นช่วยในเรื่องของการค้นคว้าและวิจัยได้รวดเร็วมากขึ้นหลายพันเท่ามาก การทดลองต่างๆนั้นสามารถสร้างโมเดลจำลองในคอมพิวเตอร์ได้ก่อนที่จะทำมาทำและทดลองจริง
จนท้ายที่สุดนั้นทีมวิจัยค้นพบว่า ร่างกายของมนุษย์นั้นมีความหลากหลายในเรื่องของสารต้านอนุมูลอิสระที่ต้องการในรูปแบบและการทำงานที่แตกต่างกัน ตัวอย่างสารต้านอนุมูลอิสระที่หลายคนน่าจะเป็นที่รู้จัดกันดี เช่น วิตามินซี, CoQ10, วิตามินอี, Alpha lipoic acid, เบต้าแคโรทีน หรือ Astaxanthin ที่กำลังเป็นที่นิยม
จะเห็นได้ว่าร่างกายมนุษย์นั้นต้องการสารต้านอนุมูลอิสระที่หลากหลาย และในสัดส่วนที่ไม่เท่ากัน
เอสเอซี (SAC) สู่สารต้านอนุมูลอิสระที่ได้จากการทดลองที่พบว่าความหลากหลายนั้นมีนัยยะที่สำคัญมากในการรับประทานอาหารเสริม โดยกว่าที่จะได้สัดส่วนที่ลงตัวนั้นทีมวิจัยใช้เวลานานหลายปีกว่าจะคงที่และสามารถทำในรูปแบบที่เป็น Economy of scale จากห้องแลปสู่มือของผู้บริโภคได้
เอสเอซี (SAC หรือ Super Antioxidant Complex) ช่วยเรื่องอะไร
หน้าที่หลักๆของสารต้านอนุมูลอิสระนั้นช่วยลดโอกาสการเกิดโรคต่างๆในร่างการ ซึ่งทั่วร่างกายของมนุษย์นั้นต้องการสารต้านอนุมูลอิสระในแต่ละเซล แต่ละอวัยวะที่แตกต่างกัน ผลของการวิจัยค้นพบกว่าผลลัพท์หลักๆที่เกิดขึ้นเกิน 90% จากกลุ่มผู้ทดลองนั้นคือ ริ้วรอย ฝ้า กระ และผิวที่แข็งแรงมากขึ้น
สาเหตุที่ทำให้ เอสเอซี (SAC) ประสบความสำเร็จ
หากเรามองในมุมของการทำธุรกิจและการตลาดแล้วจะพบว่า สิ่งสำคัญที่สุดของการทำสินค้า คือ ลูกค้า ซึ่งนี่คือสาเหตุหลักว่าทำไม เอสเอซี (SAC) นั้นถึงเติบโตในระยะเวลาอันสั้น และทางเรามองถึงสาเหตุอื่นๆอีก อาทิ
- ผลลัพท์ที่ลูกค้าใช้แล้วเห็นผล พึงพอใจ จนซื้อซ้ำ
- การวิจัยที่มุ่งเน้นไปที่การเจาะเฉพาะบางปัญหา
- ความสามารถในการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการลดระยะเวลาการวิจัยสินค้า
- ความปลอดภัยของสินค้าที่ได้จาก Third-party Lab
นี่เป็นเพียงสาเหตุบางส่วนที่ทางทีมงานได้ค้นพบ ซึ่งหากใครที่มีความเห็นเพิ่มเติมสามารถคอมเม้นได้ที่ใต้โพสนี้ได้เลย