Passive income กับ Active income คือ ประเภทของรายได้ที่มีความแตกต่างกัน ซึ่งหลายคนคงเคยได้ยินคำว่า Passive income นี้ว่าเป็นการมีรายได้แบบ “เสือนอนกิน” หรือ “ให้เงินทำงาน” จากเหล่า YouTuber หรือ Life coach ทั้งหลายที่ต่างเชิญชวนให้เราเข้าร่วมคอร์สความรู้ทั้งหลายเพื่อพัฒนาตัวเองให้มีความรู้ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน การสร้างทรัพย์สิน รวมไปถึงการสร้างรายได้ออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆ แล้วแท้จริงแล้วทั้งสองคำคืออะไรมาทำความรู้จักกัน
เลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
Passive income คืออะไร ?
Passive Income คือ การสร้างรายได้อีกรูปแบบหนึ่งที่ต้องมีการสร้างระบบและต้องใช้เงินลงทุนในช่วงแรก เมื่อทุกอย่างทำงานเข้าสู่ระบบอย่างลงตัวแล้ว ระบบนั้นจะสามารถทำงานต่อไปเองได้โดยที่เจ้าของกิจการไม่ต้องให้เวลาดูแลมากเหมือนในช่วงแรกของการเริ่มต้นระบบ อีกทั้งยังสามารถสร้างรายได้กระแสเงินสดให้กับเจ้าของกิจการนั้นได้ตลอดเวลา และที่สำคัญสามารถมีรายได้มากกว่าหนึ่งทางได้อีกด้วย
Active Income คืออะไร ?
Active Income คือ การทำงานเป็นชิ้นงานให้ได้ตามที่กำหนด หรือทำงานตามที่ได้รับมอบหมายให้ครบเวลาตามที่กำหนดอย่างหลังก็คือการเป็นมนุษย์เงินเดือนนั่นเอง เป็นการสร้างรายได้ที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี การสร้างรายได้แบบมนุษย์เงินเดือนเป็นการสร้างรายได้ที่ต้องให้เวลาและลงมือทำอยู่ตลอด หากหยุดทำงานหรือโดนไล่ออกจากงานก็จะทำให้ไม่มีรายได้
เหมือนหรือมีความต่างกันอย่างไร ?
แท้จริงแล้วรายได้ทั้งสองแบบเป็นการสร้างรายได้ที่ต้องทำงานเหมือนกัน แต่รายได้แบบ Passive income ต้องการการลงทุนและการดูแลระบบต่าง ๆ แค่เพียงในช่วงแรกเมื่อทุกอย่างเข้าที่เรียบร้อยแล้วระบบก็สามารถสร้างรายได้ให้เราได้ตลอดเวลา ส่วนรายได้แบบ Active Income ถ้าหากเราไม่ทำก็จะไม่มีรายได้เข้ามา ซึ่งมองดูแล้วรายได้แบบมนุษย์เงินเดือนนั้นจะดูไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ เราลองมาดูกันความแตกต่างของรายได้ทั้งสองแบบว่ามีอะไรกันบ้าง
การลงทุน
รายได้แบบ Passive income อาจจะต้องมีการลงทุนสูงในช่วงแรกไม่ว่าจะเป็นการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนในหุ้น รวมไปถึงการศึกษาหาความรู้ในการวางระบบต่าง ๆ แต่รายได้แบบ Active income ไม่ต้องลงทุนอะไรก็สามารถมีรายได้ได้เลยเพียงแค่ทำงานตามชิ้นงานและเวลาที่ได้กำหนด แต่การเปิดร้านขายของ หรือร้านอาหารอาจจะมีทุนสูงได้เหมือนกันขึ้นอยู่กับรูปแบบของแต่ละกิจการด้วย
เวลา
รายได้แบบ Passive income จะต้องมีใช้เวลาในการสร้างระบบจัดทำระบบต่าง ๆ เช่น การสร้างห้องเช่าก็ต้องเริ่มต้นตั้งแต่หาทำเลที่เหมาะสม การออกแบบหอพักให้น่าอยู่เพื่อดึงดูดผู้เช่าเข้ามา หรือการลงทุนหุ้นก็ต้องมีการศึกษาหุ้นตัวนั้นให้เข้าใจก่อนแต่เมื่อทุกอย่างเข้าระบบแล้วเราก็ไม่จำเป็นที่ต้องให้เวลากับระบบเหล่านี้มากนัก ซึ่งต่างจากรายได้แบบ Active income ที่ต้องลงทำงานให้เวลากับงานนั้นถึงจะมีรายได้เข้ามา
ความรู้
การสร้างรายได้แบบ Passive income ไม่มีความจำเป็นต้องจบการศึกษาถึงระดับปริญญาตรีก็สามารถทำได้ แต่ก็ต้องมีความรู้เกี่ยวกับวิธีการที่จะใช้สร้างรายได้นั้น เช่น ต้องการสร้างรายได้ด้วยการทำ Affiliate ผ่านเว็บไซต์ก็ต้องมีความรู้เรื่องเว็บไซต์ การเขียนบทความ และความรู้เกี่ยวกับสินค้าที่ต้องการแนะนำ แต่อาจจะทำได้ด้วยการจ้างคนมาทำแต่ละส่วนเลยซึ่งก็ต้องใช้ต้นทุนสูงสมควร ส่วนรายได้แบบ Active income บางสาขาต้องจบการศึกษาระดับปริญญาตรีเท่านั้นจึงจะสามารถทำงานได้ เช่น หมอ พยาบาล เป็นต้น
อิสระทางการเงิน
แท้จริงแล้วการสร้างรายได้แบบ Active income ก็เป็นต้นทุนให้กับการสร้างรายได้แบบ Passive income เช่น การผู้ที่มีรายได้ประจำแบบเงินเดือนได้แบ่งเงินมาลงทุนในกองทุนอยู่เรื่อย ๆ จนมีรายได้เติบโตมากพอที่จะมีอิสระทางการเงินได้ หรือสะสมเงินเพื่อสร้างห้องเช่าจากห้องที่มีขนาดเล็กก่อนแล้วเงินมีรายได้เข้ามาพอสมควรก็นำเงินเหล่านั้นมาปรังปรุงห้องเช่าให้มีขนาดใหญ่โตขึ้นเพิ่มค่าเช่าหอช่วยสร้างรายได้ให้เพิ่มมากขึ้นได้อีก
การคืนทุน
การสร้างรายได้แบบ Active income นั้นไม่จำเป็นต้องมีช่วงการลงทุนใด ๆ เมื่อทำงานเสร็จก็สามารถรับเงินได้เลย แต่รายได้แบบเสือนอนกินนั้นอาจจะต้องใช้เวลานานในช่วงแรกกว่าจะสร้างระบบต่าง ๆ ให้เสร็จเรียกได้ว่ามีแต่รายจ่ายมากกว่ารายได้ เช่น หอพักอาจจะใช้เป็นเดือนกว่าจะสร้างหอพักเสร็จ
ตัวอย่างรายได้ทั้งสองรูปแบบ
เราได้ทำความรู้จักกับรายได้ทั้งสองกันมาพอสมควรแล้ว แล้วจะมีอาชีพแบบไหนหรือการลงทุนแบบไหนบ้างที่พอจะเป็นตัวอย่างให้เห็นได้ชัดเจน
รายได้แบบ Passive income | รายได้แบบ Active income |
หอพัก บ้านเช่า | มนุษย์เงินเดือน |
หุ้น กองทุน สลากออมสิน และพันธบัตร | ร้านขายของ |
โฆษณาออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ | ฟรีแลนซ์ |
เขียน e-book | ลูกจ้างรายวัน |
Affiliate Marketing | ขายสินค้าออนไลน์ |
ขายสินค้าออนไลน์แบบ Dropship | |
ขายศิลปะออนไลน์ รูปถ่าย รูปวาด ออกแบบลายเสื้อ |
การสร้างรายได้ในรูปแบบที่แตกต่างกัน ตั้งแต่การลงทุน เวลา ความรู้ อิสระทางการเงิน และการคืนทุน แต่แท้จริงแล้วการสร้างรายได้นั้นต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมตามยุคสมัยและสิ่งที่สำคัญที่จะช่วยให้มีรายได้ ก็คือ ความรู้และการพัฒนาตนเอง