AI คือ ปัญญาประดิษฐ์สุดอัจฉริยะที่เข้ามาพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์ในหลากหลายด้านด้วยกัน เทคโนโลยีสุดล้ำสมัยนี้กำลังทำให้ชีวิตของพวกเราทุกคนเปลี่ยนไปตลอดกาล แน่นอนว่าถ้ามองให้ดี AI คือ ดาบสองคม ที่เราควรรู้จักให้มากที่สุดว่าแท้จริงแล้ว AI จะสามารถพัฒนาไปได้ไกลถึงจุดไหน จะอยู่เหนือการควบคุมของเราหรือไม่? หรือมันจะกลายเป็นตัวช่วยของมนุษย์ในการรับมือกับปัญหาระดับโลกในอนาคตกันแน่!
บทความนี้ The Wisdom Academy จะพาทุกคนไปดำดิ่งกับสาระความรู้มากมายเกี่ยวกับ AI และการต่อยอดกับการพัฒนาธุรกิจว่าจะมีแนวทางอย่างไรได้บ้าง พร้อมแล้วเลื่อนอ่านต่อได้เลย
เลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
AI (Artificial Intelligence) คืออะไร?
AI ย่อมาจาก Artificial Intelligence หมายถึง “ปัญญาประดิษฐ์” เป็นวิทยาการที่มุ่งเน้นให้คอมพิวเตอร์มีความสามารถในการรับข้อมูล ประมวลผล และแสดงผล พร้อมกับมีความสามารถในการเรียนรู้ จดจำ และนำไปสู่การตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ได้เหมือนกับหลักการทำงานของสมองมนุษย์
ปัจจุบันเทคโนโลยี AI คือ สิ่งที่มีส่วนร่วมกับการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์มากขึ้นในหลาย ๆ วงการ ไม่ว่าจะเป็น AI ของ Google ที่ช่วยตอบสนองความต้องการในการค้นหาข้อมูล, Alexa AI ผู้ช่วยอัจฉริยะที่สามารถทำให้บ้านของคุณกลายเป็น Smart Home เป็นต้น
หลักการทำงานของ AI คืออะไร?
การทำงานของ AI ซึ่งเปรียบเสมือนกับสมองจักรกลนั้นจะต้องใช้การ Input ข้อมูลซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ เช่น ข้อความ, เสียง, ภาพ และอื่น ๆ แล้วแต่ผู้สร้าง AI นั้นจะตั้งค่าไว้ จากนั้นให้ AI ประมวลผลและ Response ข้อมูลออกมาในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียง, ข้อความ, ภาพ, วิดีโอ ฯลฯ จากนั้นเราก็สามารถนำผลลัพธ์ที่ได้ไปใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้งาน
ประเภทของ AI (Artificial Intelligence)
เทคโนโลยี AI คือ วิทยาการที่สามารถแบ่งประเภทได้ 2 เกณฑ์หลัก ได้แก่
ประเภทของ AI แบ่งตามความสามารถในการประมวลผล
- Artificial Narrow Intelligence (ANI): เป็น AI ที่มีความสามารถเฉพาะทางในการทำงานเฉพาะด้าน โดยจะทำงานได้ดีด้านใดด้านหนึ่ง ตามจุดประสงค์ของผู้สร้าง AI นั้น ๆ ขึ้นมา เช่น ระบบการแนะนำสินค้าของ Amazon ที่สามารถแนะนำสินค้าที่ลูกค้าน่าจะถูกใจได้อย่างแม่นยำ, Google Translate ที่สามารถแปลภาษาต่าง ๆ ได้หลายรูปแบบ ทั้งจากภาพ, เสียง, ข้อความ ซึ่งเป็นการแปลที่แม่นยำสูงและมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น
- Artificial General Intelligence (AGI): มีความสามารถเทียบเท่ากับความสามารถทั่วไปของมนุษย์ในทุกด้าน เช่น การคิด, การคำนวณ, การแก้ปัญหา, การเรียนรู้ และการปรับตัวให้เข้ากับแต่ละสภาพแวดล้อมที่ AGI ต้องเจอ (ยังอยู่ในช่วงวิจัย)
- Artificial Super Intelligence (ASI): มีความสามารถเหนือมนุษย์ครบทุกด้าน สามารถกระทำในสิ่งที่มนุษย์ทำได้อย่างเหนือชั้น เช่น สามารถแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้ไวกว่ามนุษย์, สามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้เร็วกว่ามนุษย์, สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่หลากหลายได้ว่องไวกว่ามนุษย์ทั่วไป และอื่น ๆ แต่ปัจจุบันยังไม่มีการคาดการณ์ถึงขีดจำกัดของความสามารถของเจ้า ASI อย่างแน่ชัดว่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้หรือไม่ (ยังอยู่ในช่วงวิจัย)
ประเภทของ AI แบ่งตามการใช้งานของเทคโนโลยี
- Reactive Machines: AI ประเภทนี้ไม่มีการจัดเก็บความทรงจำ มีการประมวลผลเป็นครั้ง ๆ ไป หมายความว่า เอไอประเภทนี้จะไม่สามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ในอดีตและไม่สามารถคาดการณ์อนาคตได้ จึงเหมาะสำหรับใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้า เช่น Deep Blue ของ IBM สามารถเอาชนะการแข่งหมากรุกกับ Garry Kasparov แชมป์หมากรุกโลกในปี 1997 ได้สำเร็จ, AI ที่ใช้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร เป็นต้น
- Limited Memory: มีการจัดเก็บความรู้ในอดีตเพื่อช่วยในการตัดสินใจในอนาคตได้ เหมาะสำหรับการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น AI การจดจำรูปภาพของ Google Photos ที่สามารถจดจำใบหน้าและวัตถุต่าง ๆ ได้แม่นยำจากการประมวลผลรูปภาพในอดีตที่สั่งสมมา
- Theory of Mind: มีความเข้าใจในอารมณ์และความรู้สึกของมนุษย์ ทำให้สามารถโต้ตอบกับมนุษย์ได้อย่างเหมาะสมและเป็นธรรมชาติ (ยังอยู่ในช่วงวิจัย)
- Self Aware: มีความรู้สึกเป็นของตัวเอง มันรู้ตัวว่าตัวเองเป็นปัญญาประดิษฐ์ ทำให้สามารถตัดสินใจและกระทำสิ่งต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง (ยังอยู่ในช่วงวิจัย)
ประโยชน์ของการใช้ AI ในชีวิตประจำวัน
ปัจจุบัน AI คือ เทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์ที่ถูกนำมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกและตอบโจทย์การใช้งานสูงสุดของมนุษย์ในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน และกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งข้อดีของ Ai คืออะไร ยกตัวอย่าง ดังนี้
- การสั่งงานด้วยเสียง: เราสามารถสั่งให้ AI ทำงานต่าง ๆ ได้ เช่น เปิดไฟ ปิดไฟ ปรับอุณหภูมิ เป็นต้น
- การแนะนำสินค้าและบริการ: AI สามารถแนะนำสินค้าและบริการที่เหมาะสมกับเรา เช่น แนะนำภาพยนตร์และรายการทีวีตามความสนใจ ยิ่งเรากดชอบสินค้าแบบไหน หรือดูสินค้าอะไร AI ก็จะเข้าใจทันทีว่าเราชอบสินค้าแบบนั้น ๆ และคอยป้อนฟีดให้เราดูเรื่อย ๆ
- การแปลภาษา: AI สามารถแปลภาษาได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
- การวิเคราะห์ข้อมูล: AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เช่น วิเคราะห์ข้อมูลการขายเพื่อวางแผนการตลาด
- การขนส่งอัตโนมัติ: AI สามารถควบคุมรถยนต์ให้ขับเคลื่อนได้เอง เช่น รถยนต์ไร้คนขับของ Tesla เป็นต้น
ความสำคัญของ AI ต่อการพัฒนาธุรกิจในยุคแห่งเทคโนโลยี
ในยุคแห่งเทคโนโลยี การแข่งขันทางธุรกิจก็ยิ่งเข้มสูงขึ้น ธุรกิจไหนปรับตัวได้เร็วกว่า ย่อมได้เปรียบกว่า AI จึงกลายเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ธุรกิจทุกขนาดต้องให้ความสำคัญ เพราะมันสามารถช่วยธุรกิจให้เติบโตได้อย่างรวดเร็วและก้าวทันโลกยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง
AI กับความสามารถที่ช่วยให้ธุรกิจติดปีก
เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
AI สามารถช่วยธุรกิจทำงานต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ เช่น การทำรายงาน ประมวลผลคำสั่งซื้อ และตอบคำถามลูกค้า ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายให้กับธุรกิจได้อย่างมหาศาล
เพิ่มผลผลิต
AI สามารถช่วยธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ปรับปรุงกระบวนการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพการขาย ช่วยธุรกิจเติบโตและแข่งขันได้
สร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ
AI สามารถช่วยธุรกิจคิดค้นผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ปรับปรุงการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า และพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้ธุรกิจก้าวนำคู่แข่ง
วิเคราะห์ข้อมูลอย่างแม่นยำ
AI สามารถช่วยธุรกิจวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าและคู่แข่งได้ง่ายขึ้น นำไปสู่การพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจได้อย่างแม่นยำ
5 สุดยอดเครื่องมือ AI ตัวช่วยการทำธุรกิจสุดเจ๋ง
1. IdeasAI ตัวช่วยคิดไอเดียธุรกิจสุดปัง
สำหรับใครที่อยากทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น SME หรือ StartUp แต่ยังไม่มีไอเดียดี ๆ ที่น่าสนใจ ขอแนะนำ “IdeasAI” เครื่องมือ AI สุดอัจฉริยะที่สามารถช่วยเราคิดไอเดียธุรกิจที่แปลกใหม่และโดดเด่นได้แบบไม่ซ้ำใคร
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
- แสดงไอเดียธุรกิจที่มีคนชื่นชอบมากที่สุดในแต่ละเดือน
- ไอเดียธุรกิจมาจากการประมวลผลของ Chat GPT
- มีไอเดียธุรกิจจัดแยกเป็นหมวดหมู่ชัดเจน ค้นหาง่าย
[รู้จัก Chat GPT เครื่องมือเอไอสุดอัจฉริยะเพิ่มเติมได้ที่นี่: ชวนรู้จัก Chat GPT ตัวช่วยสุดเจ๋งที่จะช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น]
2. Namelix ช่วยคิดชื่อแบรนด์สุดเก๋ ไม่ซ้ำใคร
ใครเคยเป็นเหมือนกันไหม อยากตั้งแบรนด์ของตัวเองแต่นึกชื่อดี ๆ ไม่ออกเลย ขอแนะนำ Namelix เครื่องมือเอไอสามารถคิดและประมวลผลชื่อแบรนด์ที่จำได้ง่าย โดดเด่น ให้อย่างรวดเร็วทันใจ
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
- Namelix คิดชื่อแบรนด์ได้อย่างรวดเร็วและใช้ง่ายมาก ๆ
- ปรับแต่งชื่อแบรนด์ได้ยืดหยุ่น ทั้งประเภทธุรกิจ, ความยาว, สไตล์ของชื่อ
- สามารถค้นหาชื่อแบรนด์ที่มีอยู่แล้วเพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดลิขสิทธิ์
3. Copy.ai เครื่องมือช่วยเขียนแผนธุรกิจ
เครื่องมือ AI ตัวช่วยงานเขียนที่เป็นลักษณะของ Chatbot คล้ายกับ ChatGPT ซึ่งสามารถรองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา และสามารถเขียน Copy Writing ได้ตรงจุดกับความต้องการของทุกธุรกิจ
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
- สรุปเนื้อหาหน้าเว็บไซต์ได้แบบ Real Time
- สรุปวิดีโอบน Youtube ให้เข้าใจง่ายขึ้น
- สรุปหน้า Linkedin ได้
- เขียนบทความประเภทต่าง ๆ ได้หลากหลาย เช่น อีเมล, โพสต์ Social Media, บทความ
- มี Prompt Template ให้เลือก ไม่ต้องเสียเวลาคิดเอง
4. Prompt Lab เอไอช่วยคิดแคปชั่นสินค้าให้น่าซื้อ
การสร้างสรรค์คอนเทนต์สำหรับขายของให้น่าสนใจนับเป็นเรื่องท้าทายสำหรับทุกธุรกิจออนไลน์ แต่คุณไม่ต้องกังวลไปเพราะ Prompt Lab สามารถช่วยคิดแคปชั่นโพสต์, สคริปต์วิดีโอ, ไอเดียทำคอนเทนต์ ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะอยากได้แคปชั่นแนวไหนเครื่องมือ AI คือคำตอบ
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
- คิดแคปชั่นขายของได้หลากหลายสไตล์
- เขียนเนื้อหาคอนเทนต์ประกอบการขายสินค้าได้
- เขียนสคริปต์สำหรับวิดีโอสั้น
5. Akkio คำนวณธุรกิจด้วย Data
Data Driven Marketing คือ การตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยดาต้า (Data) ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มยอดขายได้จริง เพราะจะทำให้ธุรกิจสามารถรู้ได้ว่าสินค้าชนิดไหนที่ตรงต่อความต้องการของลูกค้าบ้าง หรือการตลาดแบบไหนที่ได้ผลดีกว่า
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
- Chat Data Prep คือ ตัวช่วยในการทำงานคล้ายกับ SQL แต่คุณไม่จำเป็นต้องมีความรู้ในการใช้หากได้ใช้ฟีเจอร์นี้
- Chat Explore เป็นการตอบคำถามที่เราต้องการรู้เกี่ยวกับ Data ที่มีได้ทันที
- Forecasting ฟีเจอร์ที่จะช่วยทำนายผลลัพธ์ โดยอ้างอิงจาก Data และแสดงผลออกมาในรูปของกราฟรูปแบบต่าง ๆ
AI กับ โลกอนาคต เราควรปรับตัวอย่างไร?
ในปัจจุบัน AI คือเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้ในงานอย่างหลากหลาย ซึ่งทำให้งานบางประเภทถูกทดแทนด้วย AI ส่งผลให้อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น ดังนั้น มนุษย์จึงควรปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงจาก AI โดยการพัฒนาทักษะและความรู้ใหม่ ๆ เรียนรู้การทำงานร่วมกับ AI เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
การเรียนรู้การทำงานร่วมกับ AI
มนุษย์ควรเรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยจุดแข็งของ AI ที่สามารถประมวลผลงานที่ซับซ้อนได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำสูง บวกกับอาศัยทักษะของมนุษย์ในการทำงานที่มีความคิดสร้างสรรค์และมีความเข้าอกเข้าใจ (Empathy) เสริมเข้าไปจะช่วยให้การทำงานมีศักยภาพสมบูรณ์แบบได้มากขึ้น
การเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง
เราควรเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงาน และการพัฒนาทักษะที่จำเป็นในการทำงานด้วย
คำแนะนำสำหรับทุกฝ่ายในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง
สำหรับพนักงาน
- พัฒนาทักษะและความรู้ใหม่ ๆ อยู่เสมอ เช่น ทักษะด้านไอที, ทักษะด้านการวิเคราะห์ข้อมูล, ทักษะการทำงานเป็นทีม ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีทั้ง Soft Skills และ Hard Skills ไปพร้อม ๆ กัน
- เรียนรู้การทำงานร่วมกับ AI อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น สอน AI ทำงานที่ซับซ้อนและซ้ำซาก ยกตัวอย่างเช่น งานวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก, การจัดหมวดหมู่ข้อมูล, การตอบคำถามลูกค้า เป็นต้น
- พัฒนาทักษะด้านการทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) เช่น ทักษะการจัดการเวลา และทักษะการทำงานเป็นทีมออนไลน์ เป็นต้น
สำหรับผู้ประกอบการ
- ศึกษาแนวทางการนำ AI มาใช้ในธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การใช้ AI เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ เป็นต้น
- สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนการเรียนรู้และการพัฒนาของพนักงาน
- เตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงาน เช่น Hybrid Work, WFH, Work From Anywhere เป็นต้น
สำหรับภาครัฐ
- ออกนโยบายและมาตรการสนับสนุนการพัฒนาทักษะและความรู้ของแรงงาน เพื่อเตรียมความพร้อมให้แรงงานสามารถปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในอนาคตได้
- ส่งเสริมการศึกษาและวิจัยด้าน AI มากขึ้น
- สร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี AI ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทย
สรุป
AI คือ นวัตกรรมฝีมือมนุษย์ที่กำลังพลิกโฉมโลกใบนี้อย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยความสามารถของเทคโนโลยีก็ทำให้บางคนเริ่มกังวลว่า AI จะเข้ามาแทนที่มนุษย์และทำลายโลกหรือไม่? ซึ่งความจริงแล้ว AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้โลกของเราดีขึ้น สะดวกสบายมากขึ้น หากเราใช้ AI อย่างชาญฉลาดมันจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยเราแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้มหาศาล แต่หากเราใช้ AI อย่างไร้ความรับผิดชอบ มันก็อาจจะกลายเป็นภัยคุกคามต่อโลกของเราได้ ดังนั้นการเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับ AI จึงเป็นสิ่งสำคัญและมองข้ามไม่ได้อย่างแท้จริง
Ref: