Growing-household-vegetables

15 ผักสวนครัว ปลูกง่าย โตเร็ว พื้นที่น้อย เหมาะสำหรับปลูกกินเองที่บ้าน

การปลูกผักสวนครัว เป็นกิจกรรมที่นอกจากจะช่วยให้เราใช้เวลาว่างได้อย่างเหมาะสมแล้ว ยังเป็นการช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้อย่างดี เพราะจะสามารถประหยัดค่าอาหารต่าง ๆ ได้ไม่น้อย จากการนำผักสวนครัวมาประกอบอาหารหรือหากถ้าสามารถปลูกผักสวนครัวในปริมาณมากก็สามารถนำไปขายเพื่อสร้างรายได้เสริมได้อีกด้วย แต่สำหรับคนที่อยู่หอพักหรือบ้านมีพื้นที่น้อยแล้วอยากปลูกผักสวนครัวก็อาจจะคิดไม่ตกว่าจะปลูกผักอะไรดีที่เติบโตได้ง่าย โตไว เก็บเกี่ยวได้เร็ว

บทความนี้ The Wisdom Academy จึงอยากมาแนะนำ 15 ผักสวนครัว ปลูกง่าย โตเร็ว พื้นที่น้อย เหมาะสำหรับคนที่อยากปลูกไว้กินเองที่บ้าน พร้อมวิธีปลูกสำหรับมือใหม่ จะมีผักอะไรบ้างมาดูกัน

เลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ

1. ผักชี (Coriander)

bunch-parsley

ผักชีเป็นพืชล้มลุกที่สามารถปลูกผักสวนครัวในกระถางได้เลย ผักชีชอบดินร่วนปนทราย ชอบน้ำค่อนข้างเยอะ แต่ต้องระวังไม่ให้น้ำขังเพราะสามารถทำให้รากเน่า

ควรปลูกช่วง: มกราคม / เมษายน / ตุลาคม

ระยะเวลาเก็บเกี่ยว: 30-45 วัน

วิธีการเพาะปลูกผักชี

1. เตรียมดินสำหรับปลูกผักสวนครัว โตเร็ว ด้วยการตากแดดประมาณ 7 วัน ผสมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยสดเพื่อให้ดินมีแร่ธาตุมากขึ้น

2. บดเมล็ดผักชีให้แยกออกเป็น 2 ซีก จากนั้นนำไปแช่น้ำประมาณ 2-3 ชั่วโมง จากนั้นนำไปผึ่งลม

3. นำเมล็ดพันธุ์ผักชีไปผสมกับทรายหรือขี้เถ้า เพียงเล็กน้อย

4. เมื่อเมล็ดพันธุ์ผักชีเริ่มมีรากงอกออกมา ใส่ในกระถางที่เตรียมดินไว้ คลุมด้วยฟางข้าวหรือหญ้าแห้ง จากนั้นรดน้ำให้ชุ่ม

5. รอเก็บเกี่ยว เมื่อครบประมาณ 30-45 วัน แนะนำให้รดน้ำให้ชุ่มก่อนแล้วถอนออกมาทั้งราก

2. ผักบุ้ง (Morning Glory)

water-convolvulus

ผักบุ้งเป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ เช่น ช่วยบำรุงสายตา, ช่วยให้ผิวพรรณสดใส, เสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง อีกทั้งมีรสชาติหวานกรอบอร่อย

ควรปลูกช่วง: กุมภาพันธ์ / เมษายน / สิงหาคม / พฤษภาคม

ระยะเวลาเก็บเกี่ยว: 20-25 วัน

วิธีการเพาะปลูกผักบุ้ง

1. นำเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งไปแช่น้ำไว้ 1 วัน จากนั้นนำผ้าชุบน้ำมาห่อเมล็ดต่ออีก 2 วัน เพื่อให้รากงอกจากความชื้น

2. เมื่อมีรากงอกออกมาให้นำไปใส่ในหลุมดินที่เตรียมไว้

3. ใช้ฟางคลุมหน้าดินเพื่อป้องกันไม่ให้หน้าดินแห้ง จากนั้นรดน้ำให้ชุ่ม

4. รดน้ำเช้าเย็นวันละ 2 ครั้ง จากนั้นรอเก็บเกี่ยว

3. คะน้า (Kale)

chinese-broccoli-vegetables

คะน้าเป็นผักสวนครัวสามารถรับประทานได้จากใบ ก้าน และลำต้น ซึ่งมีโภชนาการสูงทั้งวิตามินและแร่ธาตุ สามารถปลูกผักสวนครัวง่าย ๆ ด้วยดินร่วนปนทรายหรือดินที่ผสมปุ๋ยคอกจะเจริญได้ดี

ควรปลูกช่วง: มีนาคม / กรกฎาคม / กันยายน

ระยะเวลาเก็บเกี่ยว: 45-55 วัน

วิธีการปลูกคะน้า

1. ผสมปุ๋ยคอกกับดินเม็ดละเอียด คลุกเคล้าให้เข้ากัน

2. เตรียมถาดสำหรับเพาะเมล็ดด้วยการรองก้นหลุมด้วยกาบมะพร้าว จากนั้นใส่ดินที่ผสมไว้

3. ใช้ไม้แหลมเจาะนำร่องดิน จากนั้นนำเมล็ดพันธุ์คะน้าหยอดลงหลุมละ 1-3 เมล็ด จากนั้นกลบดินให้มิด

4. นำถาดเพาะเมล็ดไปไว้ในที่ร่ม ให้พรมน้ำให้ชุ่ม เช้า-เย็น เป็นเวลา 3-4 วัน

5. เมื่อครบวันที่ 7-10 วัน ให้ตัดต้นคะน้าที่แคระแกรนออกเพื่อไม่ให้แย่งอาหารต้นอื่น ๆ

6. เมื่อคะน้าอายุครบ 20-30 วัน แล้วมีใบคะน้าแท้งอกออกมาแล้ว 1 ใบให้ย้ายลงในกระถางปลูกต่อไป

4. กวางตุ้ง (Bok Choy)

chinese-kale-vegetable

กวางตุ้งเป็นผักใบเขียวลำต้นสูง ใบมีสีเขียวอ่อน นิยมรับประทานเป็นผักสดหรือประกอบอาหารต่างๆ

ควรปลูกช่วง: เมษายน / มิถุนายน / สิงหาคม

ระยะเวลาเก็บเกี่ยว: 30-50 วัน

วิธีการปลูกกวางตุ้ง

1. นำดินพร้อมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ในอัตรา 2:1 ใส่ดินผสมดังกล่าวในถาดเพาะกล้า

2. หาเศษไม้เล็ก ๆ กดลงไปในดินเป็นความลึกประมาณ 0.5 ซม

3. นำเมล็ดพันธุ์กวางตุ้งหยอดลงในหลุม หลุมละ 1-2 เมล็ด แล้วกลบหน้าดินพร้อมรดน้ำให้ชุ่ม

4. วันที่ 7-10 ผักกวางตุ้งจะเริ่มมีการเจริญเติบโต ควรรดน้ำวันละ 1-2 ครั้ง เช้าและเย็น

5. วันที่ 20-25 สามารถย้ายกล้าลงปลูกในกระถางได้ และรอเก็บเกี่ยวผลผลิตเมื่อเข้าสู่วันที่ 30-50

5. ต้นหอม (Spring Onion)

wooden-board-with-green-onion

ต้นหอมเป็นผักสวนครัวที่ปลูกง่าย โตเร็ว ปลูกได้ตลอดปี นิยมนำมาประกอบอาหารได้หลากหลาย จึงเป็นผักที่ควรมีติดครัวไว้

ควรปลูกช่วง: มิถุนายน / พฤษภาคม

ระยะเวลาเก็บเกี่ยว: 45 วัน

วิธีการเพาะปลูกต้นหอม

1. ทำการเตรียมดินสำหรับปลูกผักสวนครัวในกระถางด้วยการบดเปลือกถั่งลิสงลงไป

2. นำดินที่เตรียมไว้ใส่ในกระถางแบบไม่ต้องแน่นมากเกินไป ให้มีช่องว่างระหว่างเม็ดดินเพื่อให้อากาศและน้ำถ่ายเทได้เต็มที่

3. นำหอมแดงตัดจุกออกประมาณ 2-3 เซนติเมตร นับจากราก จากนั้นนำไปปักลงดิน รดน้ำให้ชุ่ม

4. ถ้าปลูกต้นหอมด้วยเมล็ด ให้โรยเมล็ดลงบนหน้าดินประมาณ 4-5 เมล็ดต่อกระถาง เพื่อไม่ให้แต่ละต้นเบียดเสียดกันมากเกินไป

6. ถั่วงอก (Bean Sprout)

overhead-view-beans-sprouts-bowl

ถั่วงอกเป็นผักสวนครัวพื้นที่น้อยที่สามารถปลูกได้ง่าย ๆ ไม่ต้องใช้ระยะเวลานาน สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี โดยไม่ขึ้นกับฤดูกาล อีกทั้งอุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ต่าง ๆ

ควรปลูกช่วง: ปลูกได้ตลอดทั้งปี

ระยะเวลาเก็บเกี่ยว: 4-5 วัน

วิธีการเพาะปลูกถั่วงอก

1. นำถั่วเขียวไปแช่น้ำ เพื่อคัดกรองถั่วที่ลอยน้ำออกเพราะมีอัตราการงอกต่ำ

2. นำเมล็ดถั่วเขียวไปแช่ในน้ำอุ่น เพื่อกระตุ้นการงอกของรากประมาณ 6-8 ชั่วโมงหรือแช่ข้ามคืน

3. เทน้ำที่แช่ถั่วออก จากนั้นนำถั่วเขียวใส่ในโหล หุ้มปากโหลด้วยผ้าไนลอนหรือผ้าขาวบาง จากนั้นเทน้ำออก (โดยไม่ต้องแกะผ้าที่หุ้มปากโหลออก)

4. วางขวดถั่วงอกในที่มืด

5. รดน้ำทุก ๆ 4-6 ชั่วโมง เขย่าขวดเล็กน้อยเพื่อเอากลิ่นก๊าซจากกระบวนการงอกของถั่วเขียวออก จากนั้นเทน้ำออก

6. นำโหลไปตั้งในที่มืด

7. ทำตามขั้นตอนที่ 5-6 จำนวน 3 วัน ถั่วงอกจะงอกออกมาจนแน่นโหล ให้นำไปล้างเอาเปลือกออกแล้วเก็บเกี่ยวได้

7. กะเพรา (Holy Basil)

sweet-basil-leaves-isolated-white-background

กะเพราเป็นพืชล้มลุกที่มีกลิ่นหอมฉุนเฉพาะตัว สามารถนำไปทำอาหารได้หลากหลายเมนูและมีสรรพคุณทางยาหลากหลาย เช่น ช่วยขับลม, แก้ท้องอืด, แก้ท้องเสีย เป็นต้น

ควรปลูกช่วง: ปลูกได้ตลอดทั้งปี

ระยะเวลาเก็บเกี่ยว: 30-35 วัน

วิธีการปลูกกะเพรา

1. เลือกกิ่งพันธุ์ที่ไม่แก่หรืออ่อนเกินไปและไม่เคยออกดอก ยาวประมาณ 4-5 นิ้ว จากนั้นนำมาปักในกระถางโดยเอียงทำมุมประมาณ 45 องศา

2. รดน้ำให้ชุ่มเช้าเย็น ไม่กี่วันกะเพราก็จะแตกรากและใบ

8. แตงกวา (Cucumber)

green-cucumber-with-leaves-flower-isolated-white

แตงกวาเป็นผักสวนครัวที่ได้รับความนิยมในการรับประทานมากในประเทศไทย รสชาติหวานกรอบ สามารถรับประทานสดและสุกได้ ใช้พื้นที่ในการปลูกไม่มาก

ควรปลูกช่วง: มีนาคม / เมษายน / สิงหาคม / กันยายน

ระยะเวลาเก็บเกี่ยว: 60 วันขึ้นไป

ขั้นตอนการปลูกแตงกวา

1. ผสมดินร่วนปนทรายกับปุ๋ยหมักในอัตราส่วน 50:50

2. ทำการรองก้นถาดเพาะกล้าด้วยกาบมะพร้าว เพื่อช่วยเรื่องการระบายน้ำ

3. หยอดเมล็ดพันธุ์แตงกวาลงในหลุมเพาะ หลุมละ 2-3 เมล็ด จากนั้นกลบปิดหลุมด้วยดินแล้วรดน้ำให้ชุ่ม

4. นำถาดเพาะไว้ในพื้นที่แสงแดดอ่อน ๆ เพื่อรอให้เมล็ดงอก ระหว่างนี้ให้รดน้ำประจำทุกเช้า-เย็น

5. เมื่อต้นแตงกวาแตกยอดอ่อน ให้ย้ายลงแปลงปลูกหรือกระถาง

9. มะเขือเทศ (Tomato)

big-red-fresh-tomatoes-white-background

มะเขือเทศเป็นพืชล้มลุก มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกากลางและอเมริกาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก นิยมนำมารับประทานสด ประกอบอาหาร หรือแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ

ควรปลูกช่วง: ตุลาคม / ธันวาคม

ระยะเวลาเก็บเกี่ยว: 70-90 ปี

วิธีปลูกผักมะเขือเทศ

1. เตรียมเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศด้วยการบีบให้แตก หรือนำไปแช่น้ำแล้วผึ่งลมประมาณ 3-4 วัน จะช่วยให้เมล็ดงอกง่ายขึ้น

2. เตรียมดินด้วยการนำดินที่ร่อนแล้ว 3 ส่วนผสมปุ๋ยคอก 1 ส่วน ทรายหรือแกลบ 1 ส่วน

3. โรยเมล็ดมะเขือเทศแล้วใช้ดินกลบบาง ๆ รดน้ำให้ชุ่ม

4. ใช้สารป้องกันแมลงผสมน้ำรดอีก 1 รอบ เพื่อป้องกันไม่ให้แมลงกัดกินเมล็ดพันธุ์ก่อนที่จะงอกเป็นต้นกล้า

5. เมื่อกล้าอายุประมาณ 20 วันให้ย้ายลงแปลงปลูก

10. พริก (Chili)

red-chili-peppers

พริกเป็นพืชล้มลุก ผลมีลักษณะเป็นกระเปาะ ผลสุกมีสีสันแตกต่างกันไป เช่น สีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียว ผลของพริกมีรสเผ็ดร้อน เนื่องจากมีสารแคปไซซินเป็นส่วนประกอบหลัก

ควรปลูกช่วง: มกราคม / กุมภาพันธ์ / สิงหาคม / พฤศจิกายน

ระยะเวลาเก็บเกี่ยว: 65-70 วัน

วิธีการเพาะปลูกพริก

1. นำเมล็ดพริกไปแช่ในน้ำอุ่นแล้วทิ้งไว้ประมาณ 1 วันจะช่วยให้รากงอกได้ง่ายขึ้น จากนั้นนำไปผึ่งแดดแล้วแกะเมล็ดออกเพื่อไปเพาะเป็นต้นกล้า

2. ใช้ดินร่วนปนทรายผสมกับปุ๋ย จากนั้นเจาะรูแล้วใส่เมล็ดพริกลงไป กลบปากหลุมแล้วรดน้ำให้ชุ่ม

3. นำถาดเพาะกล้าไปตั้งไว้ในที่ที่แดดส่องถึง

4. เมื่อมีใบแตกออกมาให้ย้ายลงปลูกในกระถาง โดยคัดเลือกต้นกล้าที่มีความแข็งแรงที่สุด

11. บวบ (Zucchini)

top-view-fresh-chopped-zucchinis-wooden-kitchen-board-with-knife-with-vegetables-such-as-zucchinis-cauliflower-bucket

บวบเป็นพืชล้มลุกมีลำต้นเป็นเถาเลื้อย ผลมีลักษณะเป็นทรงกระบอกหรือทรงรี มีสีเขียวอ่อนเมื่อยังอ่อน เปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือสีน้ำตาลเมื่อสุก ผลบวบมีเนื้อนุ่ม รสหวาน นิยมนำมาประกอบอาหารได้หลากหลาย

ควรปลูกช่วง: พฤษภาคม / มิถุนายน

ระยะเวลาเก็บเกี่ยว: 45-60 วัน

วิธีการปลูกบวบ

1. เตรียมดินร่วนปนทราย ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก

2. เพาะเมล็ดในกระบะเพาะหรือถุงเพาะชำ

3. ย้ายกล้าลงแปลงปลูก ระยะห่าง 50-60 เซนติเมตร

4. ให้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 2 ครั้ง

5. รดน้ำสม่ำเสมอทุกเช้าเย็น

6. เก็บเกี่ยวเมื่อผลมีขนาด 30-40 เซนติเมตร

12. มะระ (Bitter Melon)

bitter-melon

มะระเป็นพืชล้มลุก มีลำต้นเป็นเถาเลื้อย ผลมีลักษณะเป็นทรงกระบอก ผิวขรุขระ มีรสขม นิยมนำมาประกอบอาหารหลากหลายเมนู

ควรปลูกช่วง: มีนาคม / พฤษภาคม / กันยายน

ระยะเวลาเก็บเกี่ยว: 17 วันหลังดอกบาน

วิธีการเพาะปลูกมะระ

1. เตรียมดินด้วยการใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก

2. หยอดเมล็ดมะระลงในกระถาง กระถางละ 2 เมล็ด แล้วกลบหน้าดิน รดน้ำให้ชุ่ม จากนั้นนำไปวางไว้ในที่ที่มีแดดรำไรตอนเช้า

3. เมื่อต้นกล้าเจริญเติบโตประมาณ 20 วัน จะสามารถนำลงแปลงได้แล้ว

4. สร้างค้างให้มะระได้เลื้อยและเจริญเติบโตอย่างเต็มที่

13. ถั่วฝักยาว (Yard Long Bean)

green-beans

ถั่วฝักยาวเป็นพืชล้มลุกปีเดียว ลำต้นเป็นเถาเลื้อย ใบเป็นใบประกอบแบบฝ่ามือ ฝักมีสีเขียว ยาวประมาณ 20-80 เซนติเมตร นิยมรับประทานเป็นผักสดหรือผักจิ้มน้ำพริก

ควรปลูกช่วง: มีนาคม / กรกฎาคม

ระยะเวลาเก็บเกี่ยว: 55-75 วัน

วิธีการปลูกถั่วฝักยาว

1. รองถามเพาะเมล็ดด้วยกาบมะพร้าวเพื่อให้น้ำระบายได้ดี จากนั้นใส่ดินร่วนให้เต็มถาด

2. หยอดเมล็ดพันธุ์ถั่วฝักยาวหลุมละ 1-2 เมล็ด รดน้ำให้ชุ่ม

3. หมั่นรดน้ำเช้าเย็นทุกวัน เมื่อถั่วฝักยาวอายุ 5-7 วันให้ย้ายลงกระถาง

4. ผสมดินในกระถางด้วยดินร่วน ปุ๋ยคอก กาบมะพร้าว คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วหมักไว้ 1 คืน

5. นำต้นกล้าถั่วฝักยาวลงในกระถาง

6. คลุมหน้าดินด้วยฟางหรือหญ้าแห้งเพื่อรักษาความชุ่มชื้น แล้วรดน้ำให้ชุ่ม ตั้งไว้ในที่ที่แดดรำไร

14. ต้นอ่อนทานตะวัน (Sunflower Sprouts)

sunflower-sprouts

ต้นอ่อนทานตะวันมีลักษณะเป็นลำต้นสีเขียวอ่อน ยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร รับประทานเป็นผักสด มีรสชาติมันและขมเล็กน้อย อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด

ควรปลูกช่วง: ปลูกได้ตลอดทั้งปี

ระยะเวลาเก็บเกี่ยว: 7-11 วัน

วิธีการปลูกต้นอ่อนทานตะวัน

1. นำเมล็ดทานตะวันตากแดดประมาณ 24 ชั่วโมง จากนั้นนำไปแช่น้ำประมาณ 4-6 ชั่วโมง

2. ห่อเมล็ดด้วยกระดาษชำระเพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้เมล็ดจนกว่ารากจะงอก

3. เตรียมดินร่วน แล้วนำเมล็ดมาเพาะ รดน้ำให้ชุ่มเช้าเย็น

4. ตั้งไว้ในที่แสงแดดรำไร

15. เห็ดนางฟ้า (Oyster Mushroom)

basket-full-oyster-mushroom-sack

เห็ดนางฟ้าเป็นเห็ดที่ปลูกง่าย เจริญเติบโตเร็ว และให้ผลผลิตสูง จึงเป็นที่นิยมปลูกเป็นผักสวนครัว เห็ดนางฟ้าสามารถปลูกได้ทั้งในโรงเรือนและนอกโรงเรือน โดยใช้วัสดุเพาะเห็ด เช่น ฟางข้าว ขี้เลื่อยไม้ หรือกากมะพร้าว

ควรปลูกช่วง: กุมภาพันธ์ / มีนาคม

ระยะเวลาเก็บเกี่ยว: 10-15 วัน

วิธีการเพาะเห็ดนางฟ้า

1. เตรียมก้อนหัวเชื้อเห็ดนางฟ้า และจัดเตรียมสถานที่สำหรับเพาะเห็ด โดยจะต้องไม่มีลมโกรก เป็นพื้นที่สะอาด อากาศถ่ายเทดี

2. ทำการกรีดปากก้อนเชื้อเพื่อให้เห็ดสามารถเจริญเติบโตได้ดี

3. หมั่นพ่นน้ำและนำผ้าชุบน้ำคลุมก้อนเชื้อเห็ดเพื่อรักษาความชื้น

4. รอดอกเห็ดเจริญเติบโตเต็มที่ก็เก็บเกี่ยวได้เลย

นอกจากการปลูกผักสวนครัวไว้รับประทานเองแล้ว หากคุณต้องการเพิ่มเงินออมของตัวเอง ขอแนะนำให้รู้จักกับ 12 วิธีเก็บเงิน สำหรับคนเก็บเงินไม่อยู่ ง่าย ๆ แต่ได้ผลจริง

Ref:

Scroll to Top